เรื่อง เฮียหม่าคนบ้า โดย ธาร ยุทธชัยบดินทร์


“หากพ่อแม่พี่น้องชาวตรอกคนบ้ารู้สึกปีติจนตัวสั่นต่อความบ้าทั้งปวง พวกท่านทั้งหลายย่อมอุดมด้วยความบ้าไม่ต่างไปจากผม ดังนั้นโปรดเลือกผมเป็นประธานชุมชนของพวกท่าน ถ้ามั่นใจว่า ผมบ้าเพียงพอต่อความต้องการของทุกคนแล้ว”
วันแรกที่เฮียหม่ากระโดดขึ้นเวทีหน้าศาลเจ้าเพื่อกล่าวคำปราศัยหาเสียงเลือกตั้งประธานชุมชนตรอกคนบ้า เขาก็ได้ประกาศวาทะดังกล่าว ท่ามกลางผู้ฟังนับได้ห้าร้อยถ้วนพอดิบพอดี
เฮียหม่าบอกกับตัวเองว่า จะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งหากได้รับเลือกให้เป็นประธานชุมชนตรอกคนบ้า ทว่านั่นก็เป็นเพียงนามธรรมโดยแท้ ความจริงแล้วเขาหวังแค่จะรับใช้ชาวบ้านในชุมชนนี้ซึ่งเป็นรูปธรรมมากว่า แต่การจะรับใช้ชาวบ้านได้อย่างเต็มที่ต้องมีอำนาจอยู่ในมือเสียก่อน เขาจึงส่งพรรคพวกเพื่อนฝูงเครือญาติ แม้แต่คนรับใช้และคนขับรถส่วนตัว ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมชุมชนโดยพร้อมเพียงกัน ส่วนตัวเขาเองถึงกับยอมเสียสละเวลาในชีวิตที่มนุษย์มีกันอย่างจำกัดจำเขี่ย เพื่อมาเป็นประธานชุมชนอย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งทำให้เขาสามารถแสวงหาความสุขแห่งชีวิตได้มากขึ้นจนล้นเหลือ
“มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะมีความสุขทางใจได้เช่นนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะร่ำรวยหรือยากจนก็ตาม เพราะความบ้าจะเป็นเครื่องคุ้มครองและนำทางคนบ้า เหมือนกับที่ผมได้ประสบด้วยตนเองมาโดยตลอด ถูกต้องแล้วครับ พ่อแม่พี่น้องชาวตรอกคนบ้า ผมรู้สัจธรรมข้อนี้ดี ก็อย่างที่แฟนคลับของผมรับทราบกันมานานว่า ผมไม่ใช่แค่จะเป็นคนบ้า แต่ผมบ้ามานานแล้ว และมีเพียงคนบ้าอย่างผมเท่านั้นที่คู่ควรกับตำแหน่งประธานชุมชนตรอกคนบ้า โปรดเลือกคนบ้าอย่างผมมาดูแลพ่อแม่พี่น้องเถิดครับ แล้วทุกท่านจะสามารถนอนตายตาหลับอย่างแน่นอน ผมขอให้สัญญา...”
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งแถวหน้าเวทีปราศัยบรรจงตบมืออย่างพร้อมเพรียงและสวยงาม ราวกับนัดหมายกันมาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน
“ขอบคุณที่สนับสนุนความบ้าของผมครับ” เฮียหม่ากล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม สัญลักษณ์ที่เราจะพบเห็นได้ก็แต่ในภาพวาดเทวดาตามสถานที่ต่าง ๆ เท่านั้น

**************************

ถ้าคุณอยากคบหาค้าขายกับคนบ้าแท้ ๆ สักคนหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เช่น เพื่อให้เป็นไปตามคำทุภาษิตที่ว่า “...คบคนบ้า คนบ้าพาไปหาบัณฑิต” หรือเพื่อให้สังคมเห็นว่ารอบตัวคุณเต็มไปด้วยคนบ้า เพราะมีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ในกรณีเช่นนี้ การมีเฮียหม่าเป็นเพื่อนย่อมสร้างผลลัพท์คุ้มค่าแก่มิตรภาพอย่างแน่นอน โดยไม่เปลืองงบประมาณประชาสัมพันธ์ด้วยทุนส่วนตัว เพื่อการสร้างภาพลักษณ์แต่อย่างใด
ที่ผ่านมา เฮียหม่ามักจะเที่ยวบอกใครต่อใครในตรอกคนบ้าอยู่เสมอ ๆ ว่า ตนเองเป็นคนบ้าผู้ยิ่งใหญ่ นั่นคืองานหลักของเขาเลยก็ว่าได้ ด้วยสีหน้าสีตายิ้ม ๆ แลดูกรุ้มกริ่ม รวมไปถึงสีปากบาง ๆ แดง ๆ ตามธรรมชาติอันแสนจะจิ้มลิ้ม เจ้าเสน่ห์และเจ้าคารี้สีคารม ตามประสาคนที่ถนัดในทางแสดงออกถึงศิลปะแห่งความบ้าเป็นหลัก แต่ละคำที่หลุดออกมาจากปากของเขามักจะมีสำเนียงโอ่อ่าบ้า ๆ บอ ๆ บ่งบอกถึงความภาคภูมิใจในความเป็นคนบ้าของตนเองอย่างหาตัวจับได้ยาก
ความเป็นคนบ้าชนิดเข้มข้นเหนียวเป็นยางมะตอยดังที่ได้เล่ามานี้ เฮียหม่าได้ยกประโยชน์ให้แก่การเป็นนักเรียนเก่าจากห้องกรง สถานที่ซึ่งเขาเคยถูกส่งไปเรียนภาษาและศาสตร์แห่งความบ้า รวมถึงเพื่อดัดสันดานตั้งแต่ครั้งยังเล็ก เนื่องจากในสมัยก่อนนั้น เฮียหม่ายังเป็นคนที่ไม่มีความสามารถอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนัก จะเป็นคนบ้าก็ยังไม่มีประกาศนียบัตรรับรอง ดูเหมือนว่าความบ้าของเขาเพิ่งจะถูกประทับตราไว้บนหน้าผากจนเห็นได้เด่นชัด แม้ในสายตาของคนตาบอด ก็ตอนที่เรียนจบจากห้องกรงแล้วนั่นเอง ดังนั้นหลังจากกลับคืนสู่ตรอกคนบ้าอีกครั้ง เขาจึงกลายเป็นหนึ่งในคนบ้าชนิดต้นแบบที่มีอยู่ไม่มากนักในตรอกคนบ้าแห่งนี้ สถานที่ซึ่งอุดมไปด้วยพวกเลียนแบบหรือพวกบ้าเฉพาะกิจ อันเข้าใจกันว่าเป็นคนที่มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายตามแต่สภาพอากาศหรือบริบทต่าง ๆ ในตรอกคนบ้าจะพาไป
สมัยก่อนไม่ค่อยจะมีใครสงสัยในความเป็นคนบ้าของเฮียหม่ากันสักเท่าไร ความที่ชาวบ้านในตรอกคนบ้าเป็นพวกเชื่อคนง่ายเหมือนคนหัวอ่อนนอนตอนค่ำทั่วไป แต่หากจะมีใครคิดพิเรนทร์ (คงไม่พ้นไปจากฝ่ายตรงข้ามของเฮียหม่า) ขอตรวจดีเอนเอของเขา ย่อมจะพบว่า พันธุกรรมเกี่ยวกับความบ้าของเฮียหม่ามีเปอร์เซนต์สูงกว่าชาวบ้านในตรอกคนบ้าอยู่มากโข เนื่องจากเฮียหม่าถือกำเนิดมาในตระกูลคนบ้าบริสุทธิ์ที่โล้เรือสำเภามาจากห้องกรง (ไม่ใช่ซัวเถาเหมือนชาวตรอกอื่น) ดังทุภาษิตที่ว่า “ต้นไม้ปลอดสารพิษ ผลของมันย่อมปลอดสารพิษ แต่อาจถูกสอนให้เชื่อว่ามีพิษ” ซึ่งเฮียหม่ามักจะใช้เป็นข้อสรุปยามกล่าวโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเองไปตามระบบกระจายข่าว “เสียงตามสาย” ที่เดินสายสัญญาณพ่วงกับลำโพง แล้วแขวนไว้บนเสาไฟฟ้าภายในตรอกคนบ้าแทบจะทุกต้น ยกเว้นก็แต่เสาไฟฟ้าหน้าบ้านของเฮียตูตู้กับเหล่านักเลงขาใหญ่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น เนื่องจากได้รับการขอร้องเอาไว้
เฮียหม่าเคยกล่าวกับลูกน้องหลายคนเป็นทำนองว่าเสียงแห่งความบ้านี้จะเป็นดั่งกระสุนของเฮียตูตู้ผู้นิยมยิงปืนขึ้นฟ้าในเวลาเมามายได้ที่ หัวกระสุนทุกนัดย่อมตกลงใส่หลังคาชาวบ้านครบทุกนัด เหมือนสสารที่ไม่มีวันหายไปจากโลก กระสุนแต่ละนัดจะทำให้ทุกคนตระหนักว่าผู้ใดมีอำนาจอย่างแท้จริง ในทำนองเดียวกัน เมื่อผู้คนแห่งตรอกคนบ้าได้รับข้อมูลความบ้าของเฮียหม่ากรอกหูอยู่ทุกวัน ราวกับถูกยิงด้วยกระสุนเข้าใส่วันละนับได้หลายครั้ง ในไม่ช้าบรรดาคนพวกนั้นก็จะรับรู้ว่าใครเป็นคนบ้าอย่างแท้จริง จากนั้นการเลียนแบบหรือการทำสำเนาความบ้าก็จะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ท้ายที่สุด ด้วยแนวความคิดนี้เอง หากบรรลุความสำเร็จอย่างสุดโต่งเมื่อไร ตรอกคนบ้าก็จะกลายเป็นสังคมแห่งความบ้าอย่างสมบูรณ์ โลกซึ่งทุกคนสามารถทำตาลอยมีความสุขไปชั่วกัปชั่วกัลป์ แทนที่จะมีแต่เรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิงเขตอิทธิพลระหว่างมาเฟียสองกลุ่มเจ้าประจำ ซึ่งได้สร้างความอิดหนาระอาใจแก่ชาวตรอกคนบ้ามาช้านาน ประหนึ่งว่าจะไม่มีวันจบสิ้นความขัดแย้งเจ็ดชั่วโคตรนี้
แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มนุษย์มิได้ถูกสร้างขึ้นมาให้สมบูรณ์แบบ เฮียหม่าบอกทุกคนผ่านระบบเสียงตามสายอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องบ้า ๆ เช่นนี้ ผู้คนในตรอกคนบ้าที่ไม่เป็นอัลไซเมอร์เพราะกินแปะก๊วยอยู่เป็นประจำย่อมระลึกได้ว่า เฮียหม่าน่าจะเป็นบ้าเต็มร้อยไปแล้ว ถ้าไม่ติดปัญหาที่เงาแห่งความจริงจากอดีตยังคงตามมาหลอกหลอนเขาอยู่ทุกวัน เนื่องจากในสมัยที่เพิ่งเรียนจบและกลับมาจากห้องกรงใหม่ ๆ เฮียหม่าเคยคึกคะนองแอบใช้วิชามือไวที่ติดมือมาจากแดนไกล ล้วงเอาเงินตู้บริจาคภายในศาลเจ้าไปแทงหวยจับยี่กีของเจ๊ลูซี่หลายครั้ง โดยอ้างว่าเพื่อหาทุนช่วยเหลือคนบ้ายากไร้ในตรอกคนบ้า ทั้ง ๆ ที่ฐานะทางบ้านของเฮียหม่าก็มิได้ขัดสนจนยากรากลอยแต่อย่างใด ออกจะร่ำรวยกว่าคนส่วนใหญ่เสียด้วยซ้ำ บ้านประจำตระกูลของเขาซึ่งตั้งอยู่กลางตรอกใกล้ร้านขายส้มตำ นับได้ว่าใหญ่โตเป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว
แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมล่วงรู้ไปถึงหูของฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ชอบขี้หน้าเฮียหม่ามาช้านานแล้ว เนื่องจากผลประโยชน์ขัดกันย่อมบรรลัยกันไปข้างหนึ่งตามสันดานของคนบ้า พวกนั้นจึงนำเรื่องนี้มากระทุ้งสีข้างของเฮียหม่าอยู่เสมอยามสบโอกาส สร้างความอับอายขายขี้หน้าเบื่อระอาให้แก่เฮียหม่าเป็นอันมาก เขาพยายามยิ้มสู้และแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ เป็นโคลนข้น ในทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ เขาอยากจะลบประวัติอันด่างพร้อยทิ้งไปแต่ทำไม่ได้ เพราะการนินทาก็ไม่ต่างจากข่าวลือ มันย่อมอยู่นอกเหนือการควบคุมเสมอ ที่พอจะทำได้ก็แค่อ้างว่าถูกใส่ร้าย แล้วใช้ความเป็นคนบ้าบวกกับรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์กลบเกลื่อนเรื่องราวที่อยากลืมเป็นครั้งคราวไป เขายอมขายผ้าเอาหน้ารอดหลายครั้งจนผ้าแทบจะหมดตู้อยู่แล้ว แม้กระนั้นเมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามอ้าปากและจ้องมองมาที่ตนคราวใด เฮียหม่ามักจะมีอาการสะดุ้งสะเทือนอยู่เสมอ ไม่ต่างจากวัวสันหลังหวะ ยามเห็นอีกาบินผ่านย่อมอดตกใจไม่ได้ฉันนั้น โชคดีที่กุนซือเฒ่าของเฮียหม่าคอยตักเตือนแนะนำให้เขาใช้ความสงบ ผสมกับทักษะไร้ยางอายเข้าสยบความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม เฮียหม่าจึงพอเอาตัวรอดมาได้โดยตลอด ไม่เคยเสียท่าถึงขั้นจนตรอก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ไม่เคยถูกสะสางย่อมรอวันระเบิด ประกอบกับเฮียหม่าเองเป็นคนทำบ้าไม่ขึ้นเหมือนกับที่ทำงานอะไรไม่ค่อยเป็นนัก เว้นเสียก็แต่ในเรื่องการพูดเอาดีเข้าตัวเอง ถ้ามันจะสามารถนับเป็นการทำงานประเภทหนึ่งได้ ด้วยความที่เฮียหม่าสุขสบายมาตั้งแต่เกิด แถมยังอาศัยกินมรดกเก่าของตระกูล โดยไม่เคยต้องเดินใส่แว่นดำเข้าโรงรับจำนำเหมือนชาวบ้านคนอื่น ดังนั้นยิ่งเขาประชาสัมพันธ์ความบ้าออกไปมากเท่าไร ฝ่ายตรงข้ามก็ยิ่งหาเรื่องมาโจมตีเฮียหม่าหนักขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะหลังจากที่เขาได้ประกาศลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นประธานชุมชนตรอกคนบ้าแล้ว เรื่องนี้ทำให้เขาเป็นทุกข์เป็นร้อนมาก เนื่องจากเกรงว่าเมื่อถึงวันลงคะแนนเสียง คนบ้าอย่างเขาจะพลาดโอกาสขึ้นปกครองชุมชนตรอกคนบ้าจนเสียประวัติ แน่นอน มันย่อมจะเป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าเจ็บใจไปพร้อม ๆ กัน และด้วยเชื่อในคำแนะนำของกุนซือ เขาจึงขอเข้าพบเฮียตูตู้ในทางลับ เพื่อลงสัตยาบันเป็นพันธมิตรและร่วมมือกันต่อสู้กับกลุ่มเจ๊ลูซี่ รวมถึงการแสวงหาผลประโยชน์ในตรอกคนบ้าร่วมกันไปชั่วลูกชั่วหลานของทั้งสองฝ่าย
ย้อนกลับไปในช่วงที่เจ๊ซูซี่กับผองเพื่อนเคยได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการชุมชน และมีอำนาจเต็มมืออยู่ในตรอกคนบ้า ชุมชนแห่งนี้มีอันต้องห่างเหินกับความบ้า เมื่อตกอยู่ในห้วงความดีงามต่าง ๆ นานา เกิดความสุจริตและความเจริญกันอย่างขนานใหญ่ ความมั่งคั่งถูกแบ่งปันทั่วถึงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ปล่อยให้กลุ่มเฮียตูตู้คลั่งใจเสียยกใหญ่ ภายหลังแผนการขับไล่เจ๊ซูซี่อันเป็นส่วนหัวจึงเกิดขึ้นอย่างแยบยล ข่าวซุบซิบเล่าลือว่า มันเป็นแผนการจากมันสมองของเฮียตูตู้ โดยได้รับความร่วมมือจากคนทรงประจำศาลเจ้าที่ชาวบ้านนับถือมาช้านาน
ภายหลังจัดการเจ๊ลูซี่ได้สำเร็จตามแผน การบริหารอำนาจในตรอกคนบ้าน่าจะเลวทรามและบ้าคลั่งขึ้น แต่ในความคิดของเฮียหม่าแล้ว เฮียตูตู้กับพรรคพวกเป็นเพียงพวกนักเลงถืออาวุธ ไม่ควรที่คนบ้าอย่างเขาจะไว้วางใจคบหา หรือปล่อยให้มีอำนาจมากเกินไป หน้าที่ของเขาในฐานะผู้สามารถบ้าได้เหนือกว่าทุกคนในตรอกคนบ้า ย่อมสมควรคิดวางแผนกำจัดคนสติดีให้หมดไปโดยเร็ว เฮียหม่าพยายามสะกดจิตตัวเองวันแล้ววันเล่า ด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธาในแก่นแท้นี้

ความคิดเห็น