เรื่อง ก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจสุริยจักรวาล โดย ธาร ยุทธชัยบดินทร์


จากรายงานประจำปีของสมาคมนักเขียนโลก เป็นที่ทราบกันทั่วสุริยจักรวาลแล้วว่า มนุษย์เราได้พัฒนาระบบทุนนิยมจนเจริญถึงขั้นขีดสุด และเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการส่งยางพาราจำนวนสามลำเรืออวกาศไปขายแก่ชาวอังคารเป็นการนำร่อง ตามแนวคิดของผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่ง เจ้าของรอยยิ้มหวานเจ้าเสน่ห์จากประเทศสมาชิกของเรานั่นเอง กล่าวกันว่าเขามีประสบการณ์มากมาย อีกทั้งยังมองได้ไกลยิ่งกว่าคนสายตายาวที่สุดในโลก เนื่องจากเต็มไปด้วยความช่ำชอง หลังจากครองอำนาจมานานนับศตวรรษ ในร่างโคลน “เกรดทริปเปิ้ลเอ” ซึ่งลักลอบผลิตในโรงงานส่วนตัวของเขาเอง ด้วยเหตุนี้ กองเรืออวกาศเพื่อการพาณิชย์จึงเกิดขึ้นในทันทีที่เรารับรู้ว่ามีพวกนั้นอยู่บนดาวเคราะห์สีแดง และเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่สุดในกาแล็กซี่ทางช้างเผือกอันกว้างใหญ่ไพศาล
นักวิทยาศาสตร์ขององค์การสำรวจอวกาศนานาชาติพบว่า ชาวอังคารอาศัยอยู่ภายใต้เปลือกดาวสีแดงลึกลงไปประมาณ 50 กิโลเมตร พายุฝุ่นยักษ์และรังสีต่าง ๆ ได้ทำให้พวกนี้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขี้อายที่สุดในระบบสุริยจักรวาล ทว่าถนัดด้านการทำเหมืองแร่ รบกันเอง และนิยมทำรัฐประหารจนกลายเป็นประเพณี เรื่องชวนปวดศีรษะก็คือ พวกเขาไม่รู้จักคำว่า “ประชาธิปไตย” เลยแม้แต่น้อย ในระบบภาษาของชาวอังคารนั้น ยากไร้แม้กระทั่งคำที่มีความหมายเกี่ยวกับประชาธิปไตยในบริบทต่าง ๆ มันจึงเป็นเรื่องยากลำบากอยู่สักหน่อย หากจะต้องอธิบายให้ชาวอังคารเข้าใจถึงอุดมการณ์ในระบอบการปกครองของเรา จนกระทั่งประชาธิปไตยได้กลายเป็นคำสแลงที่ชาวอังคารชอบใช้ในยามที่พวกเขารู้สึกตลกขบขันในเรื่องต่าง ๆ
ทว่าในยุคอวกาศ 26.0 ของเรา ด้วยเหตุที่ความเมตตาได้เจริญก้าวหน้าไปพร้อมกันกับทุนนิยมอย่างสนิทสนม ในหมู่พวกเขาและพวกเราจึงไม่มีใครปรารถนาจะรบราฆ่าฟันหรือทำรัฐประหารกันอีกต่อไป ด้วยสนามรบก็ไม่ต่างจากสนามรักที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสนามการค้า อุดมการณ์ฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวาถูกทุนนิยมกลืนกินจนหมดสิ้น ไม่ต่างจากผ้าสะอาดกับผ้าขี้ริ้วที่ถูกนำไปซักรวมในเครื่องซักผ้าพลังงานนิวเคลียร์เครื่องเดียวกัน (พลังงานนิวเคลียร์จากเครื่องมือแบบหยาบ ๆ เป็นพลังงานที่มนุษย์นิยมใช้กันมาโดยตลอด ก่อนหน้าที่จะได้รู้จักกับเพื่อนบ้านต่างดาว) ชาวอังคารได้รับการสนับสนุนจากเรา ให้ทำการค้าอย่างซื่อสัตย์ยุติธรรมต่อกันมากที่สุดเท่าที่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงอย่างเราจะกระทำอย่างจริงใจได้
อย่างไรก็ตาม ชาวอังคารดูเหมือนจะค้าขายไม่เป็นเช่นเดียวกับที่ไม่รู้จักประชาธิปไตย พวกเขาเป็นพ่อค้าที่ชอบทำสีหน้าบึ้งตึง ส่งเสียงดังกระโชกโฮกฮาก ไร้ความอ่อนหวาน เพื่อกลบเกลื่อนความขี้อายไว้ภายใต้เปลือกเนื้อหนังอันหยาบกร้านดุดัน กล่าวกันว่าหากพวกเขาต้องถูกฆ่าตายในขณะทำสงคราม พวกเขาก็จะไม่หวาดกลัวและเขินอายเท่ากับการถูกดุนหลังให้ออกไปขายสินค้าแก่คนแปลกหน้าเลย จากประวัติศาสตร์ของชาวอังคาร พวกเขาถนัดและเต็มไปด้วยทักษะการปล้นในรูปแบบกองทัพขนาดใหญ่ หรือการตีเมืองแย่งชิงทรัพยากรของศัตรูเพื่อสร้างความเจริญให้แก่อาณาจักรของตน แต่หลายต่อหลายครั้งพวกเขาก็รบกันเองเพียงเพื่อสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างเช่น อำนาจ เกียรติยศ หรือชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล จนกลายเป็นเรื่องปกติของชาวอังคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ชนชั้นสูงผู้มั่งคั่ง
ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องสอนให้พวกเขารู้จักการเป็นผู้ซื้อเสียก่อน ส่วนเรายอมเป็นผู้ขายซึ่งออกจะเป็นงานที่หนักหนาสาหัสกว่าฝ่ายซื้อมากนัก พิสูจน์ได้จากการที่พลโลกของเราไม่ค่อยจะนิยมเป็นพนักงานขายกันสักเท่าไรนัก ยกเว้นก็แต่ในพวกที่มีใจรักและเกิดมาเพื่อเป็นนักขายเท่านั้น ส่วนใหญ่มักจะมีอาการท้องเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยว หากต้องถูกบังคับให้เป็นพนักงานขายหลังจากว่างงานมานาน ผู้คนในสังคมของเราชอบเป็นผู้บริหารหรือทำงานประเภทนั่งโต๊ะมากกว่า แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว ถ้าคุณปิดการขายสำเร็จ คุณจะได้รับค่าคอมมิชชั่นจำนวนมหาศาลจนอาชีพอื่น ๆ ต้องอิจฉาเลยทีเดียว ขอเพียงคุณเป็นนักขายตัวจริง ยินดีขายให้แก่มือที่มองไม่เห็นและไม่ต้องการใบเสร็จรับเงิน ด้วยมันอาจกลายเป็นคำสารภาพบาปในภายหลัง เพียงแค่นี้คุณก็สามารถขายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง จนผลิตสินค้าเหล่านั้นไม่ทันแก่ความต้องการของผู้ซื้อเลยทีเดียว เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ความสำเร็จ” และบรรจุมันไว้ในวัฒนธรรมของเรามาโดยตลอด
ในรายงานยังระบุด้วยว่า นักขายมือทองของเราเริ่มงานขายครั้งสำคัญด้วยความกระตือรือร้นเกินกว่าปกติเล็กน้อย และปิดการขายได้ภายในไม่กี่นาทีที่ยานอวกาศเพื่อการพาณิชย์ (รุ่นล่าสุดจากบริษัทของเหลนท่านมหาเศรษฐีหนุ่ม) ลงจอดสนิทบนลานกว้างภายในหลุมอุกกาบาตบอนเนวิลล์ ซึ่งซ่อนช่องทางเข้าไปยังอาณาจักรใต้ดินของชาวอังคารไว้ มันเป็นความลับมานานมาก ถ้าพวกเขาไม่บอก เราก็คงไม่มีทางรู้เรื่องนี้ได้เลย
ชาวอังคารชอบยางพาราที่ส่งไปขายมาก (ภาพรวมจากรีวิวตามสื่อสามมิติเสมือนจริงทุกช่องทาง) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตลาดบนดาวอังคารก็เปิดกว้างรอรับสินค้าจากโลก ไม่ว่าจะเป็นยางรถยนต์ (ได้ข่าวว่ามันอร่อยกว่ายางพาราดิบ) ทุเรียนอ่อน ข้าวสารเน่า จักรยานยนต์ชนิดเครื่องยนต์สองจังหวะและสี่จังหวะ อุปกรณ์อิเลกทรอนิคส์ล้าสมัย และกากกัมมันตรังสี ตลอดจนยานรบรุ่นโบราณของเรา ที่ต่อมาถูกดัดแปลงเป็นของเล่นไว้แสดงในงานวันเด็กของชาวอังคาร พวกเขารับซื้อกันอย่างไม่อั้น พูดได้ว่าจับจ่ายใช้สอยกันสนุกมือเลยทีเดียว โดยทำตัวเหมือนพวกเศรษฐีใหม่ทั่วไป กล่าวคือ ยินดีรับซื้อสินค้าจากโลกอย่างไม่งอแง ไม่มีโยกโย้ ไม่มีการขอผ่อนสิบเดือนแต่ดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซนต์ และแน่นอนอย่างยิ่งว่า ทั้งหมดนี้ไม่มีวาระแอบแฝงทางการเมือง หรือเพื่อต้องการจะแผ่อิทธิพลอะไรทั้งสิ้น ชาวอังคารยินดีแลกเปลี่ยนสินค้าจากโลกกับทองคำและแท่งพลังงานไฟฟ้านิรันดร์ (เทคโนโลยีล้ำสมัยของพวกเขาที่เรายังไม่รู้ความลับ แม้จะพยายามทำจารกรรมอย่างหนักแล้วก็ตาม)
“รสชาติยอดเยี่ยมกว่าดินสีแดงของเรา โอ้ น่าอายจริง ๆ ข้าพเจ้าควรเรียกมันว่าฝุ่นมากกว่า พวกเราเบื่อฝุ่นแดง เหล็ก นิเกิ้ล และทองคำอันจืดชืดเต็มที” ผู้นำสูงสุดของชาวอังคารพิมพ์ข้อความรีวิวสั้น ๆ พร้อมแนบภาพถ่ายสามมิติของยางพาราที่ถูกตัดเป็นก้อนเล็ก ๆ บนจานเหล็กสนิมเขรอะ ลงในหน้าสื่อสังคมส่วนตัวแบบสามมิติเสมือนจริงของเขา ซึ่งเผยแพร่แบบสาธารณะไปทั่วระบบสุริยจักรวาล ใครก็สามารถเข้าไปดูได้ ถ้าไม่ถูกปิดกั้นจากรัฐบาลท้องถิ่นบนดวงดาวที่ตนอาศัยอยู่
ทุกวันนี้มีผู้ติดตามกิจกรรมในชีวิติประจำวันของผู้นำชาวอังคารนับได้หลายหมื่นล้านคนและตน ทั้งชาวโลก ชาวอังคาร และชาวอาณานิคมบนดาวเคราะห์ต่าง ๆ ถือได้ว่าเป็นชื่อบัญชีสื่อสังคมสามมิติที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว แต่ก็มีการนินทากันอย่างกว้างขวางว่า ครึ่งหนึ่งนั้นเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่เข้ามาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฝากร้านขายของเสียมากกว่า ส่วนที่เหลือเป็นพวกจัดตั้งขึ้นโดยกองทัพของรัฐบาลชาวอังคาร เพื่อสนับสนุนท่านผู้นำและต่อต้านฝ่ายกบฎที่ทำตัวน่ารำคาญ ด้วยงบประมาณที่รีดมาจากประชาชนชาวอังคารอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเยี่ยงมืออาชีพ
แน่นอนว่าเรื่องเกี่ยวกับกิจการหรือความมั่นคงภายในทำนองนี้ ผู้นำชาวโลกและกองทัพพ่อค้าอันเกรียงไกรของเราจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว มันไม่ใช่ปัญหาของชาวโลกอย่างเราแต่อย่างใด สิทธิมนุษยชนกับสิทธิมนุษย์ต่างดาวย่อมมีความหมายแตกต่างกัน และนั่นก็ทำให้การค้าขายระหว่างดวงดาวทั้งสองยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี จนทำให้ยุคนี้การค้าเฟื่องฟูยิ่งกว่ายุคใด ๆ ใครก็สามารถขายได้ โดยที่ยังไม่จำเป็นต้องพูดถึงว่ามีสินค้าอยู่ในโกดังหรือไม่ หรือหากในโกดังจะล้นไปด้วยสินค้าซึ่งมีทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการยกเว้นคุณภาพ มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตแต่อย่างใด ขอเพียงคุณมีโทรศัพท์มือถือรุ่น 19 จี ขึ้นไป ที่สามารถประกาศขายสินค้าลงในสื่อสังคมสามมิิติเสมือนจริงระหว่างดวงดาวได้เท่านั้น ลูกค้าชาวอังคารและพวกมนุษย์บนดาวอาณานิคมจำนวนมหาศาลก็จะมาอยู่ในอุ้งมือของคุณ และยินดีซื้อสินค้าจากคุณจนนับไม่ถ้วน
เราเคยสอบถามไปอย่างไม่เป็นทางการเท่าไรนักว่า มีสินค้าอะไรบ้างไหม ที่พวกเขาไม่อยากซื้อหรือไม่อยากได้ นายทุนบนโลกพร้อมที่จะทำตัวเป็นสหายที่ดีด้วยการไม่ส่งสินค้าพวกนั้นไปรบกวนสัมพันธไมตรี เราคะยั้นคะยออย่างหนักจนแทบจะบีบคออย่างจริงใจให้ชาวอังคารคายคำสารภาพออกมา แต่พวกเขากลับลอยหน้าลอยตา (หมายถึงการปฏิเสธ เทียบกับการส่ายหน้าของชาวโลกส่วนใหญ่) บอกให้เราไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนั้น พวกเขาตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสินค้ามาจากโลกเสมอ แม้จะรู้ในภายหลังว่าหลายสิ่งหลายอย่างเป็นเพียงข้าวของที่มนุษย์โลกไม่ต้องการแล้วก็ตาม ดูเหมือนว่าสินค้าของชาวโลกจะมีคุณค่าในสายตาอันปูดโปนของชาวอังคารเสมอ นั่นมันหลังจากที่เราส่งสินค้าไม่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากโลกไปจำหน่ายแก่ชาวอังคารด้วยราคามิตรภาพจนแทบจะให้เปล่า ทั้ง ๆ ที่พวกมันมีรสชาติถูกปากชาวอังคารจนสถาบันอาหารที่นั่นต้องออกมามอบโล่และติดดาวให้ พร้อมกันนั้นก็สรรเสริญเยินยอจนชาวโลกหน้าบานไปตาม ๆ กัน
เมื่อการค้าดำเนินไปได้ด้วยดี ราบรื่น และมีกำไรตามสมควรในระบบทุนนิยม ในเวลาต่อมา เราก็เลยเรียกร้องให้ผู้นำของเราเร่งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างโลกกับดาวอังคารเพิ่มขึ้น เรื่องนี้จึงทำให้เกิดปฏิญญาธนบุรี โดยมีหลักปฏิบัติคร่าว ๆ เช่น เคารพในอธิปไตยแห่งดวงดาวของแต่ละฝ่าย รับผิดชอบร่วมกันในการผดุงไว้ซึ่งสันติภาพแห่งสุริยจักรวาล ไม่รุกรานซึ่งกันและกัน ไม่แทรกแซงกิจการภายในและภายนอก ยึดมั่นในหลักนิติธรรมและรัฐธรรมนูญของดาวใครดาวมัน เคารพในวัฒนธรรม ภาษา และอาหารการกินที่แตกต่างกันของประชาชนในดาวแต่ละดวง ฯลฯ
ท่านผู้นำชาวอังคารถามขึ้นในที่ประชุม “ทั้งหมดนี้สรุปสั้น ๆ ว่า อย่าเสือกเรื่องบนดาวดวงอื่นใช่ไหม”

ความคิดเห็น