เรื่อง นักวิ่ง โดย ธาร ยุทธชัยบดินทร์


ภาพที่ทุกคนเห็นคือ นักวิ่งในตำนานวิ่งหัวฟูไปตามถนนอันยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ ในเวลานั้นประสันติยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก เผลอ ๆ อาจไม่เข้าใจอะไรเลยก็เป็นได้ ด้วยความที่อายุยังน้อยและเป็นเพียงเด็กเก็บตั๋ว ทุก ๆ วันคอยทำหน้าที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูเข้าชมการแสดงของคณะละครสัตว์ แต่เมื่อถึงวันที่เขาตัดสินใจว่าจะต้องพัฒนาตัวเองสู่ความสำเร็จ เขาจึงเดินเข้าไปพบกับผู้จัดการ
“ทำไมถึงอยากเป็นนักวิ่งล่ะ รู้ไหมว่าการเป็นนักวิ่งมันเหนื่อย ที่สำคัญนักวิ่งมักจะถูกความคาดหวังของผู้ชมกดดันมากกว่าตำแหน่งอื่น” ผู้จัดการคณะละครสัตว์ถามด้วยน้ำเสียงมีเมตตา แม้หัวคิ้วจะขมวดเข้าหากันก็ตาม
“ในอนาคตผมอยากเป็นหัวหน้าคณะละครสัตว์ครับ” ประสันติตอบด้วยเสียงดังฟังชัด ไม่มีทีท่าว่าจะละอายปากหรือกระดากใจเลยแม้แต่น้อย
“ให้ตายเถอะ เธอก็เป็นคนหนึ่งที่รู้ด้วยหรือว่า ทางลัดไปสู่ตำแหน่งหัวหน้าคณะละครสัตว์คือการเป็นนักวิ่ง และต้องเป็นนักวิ่งหมายเลขหนึ่งด้วย”
“ครับ ขอให้ผมวิ่งอย่างราบรื่นด้วยเถอะ” ประสันติทำเสียงอ้อนวอนเหมือนสีหน้า
“ไปเลือกรองเท้าที่แผนกวิ่ง แล้วยังไงก็อย่าลืมฉันด้วยล่ะ เมื่อเธอไต่เต้าจนได้เป็นหัวหน้าคณะละครสัตว์แล้ว”
ประสันติยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนจะรีบไปยังแผนกวิ่งเพื่อเบิกรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อการวิ่งโดยเฉพาะ

**************

คณะละครสัตว์ที่ประสันติเป็นนักวิ่งสามัญได้เดินทางมาเปิดการแสดงในดินแดนแห่งการวิ่งอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเผยแพร่ให้ชาวเมืองรุ่นใหม่รับรู้ถึงวิธีการวิ่งที่แท้จริงว่าเป็นเช่นไร ศาสตร์แห่งการวิ่งมิใช่เป็นเพียงแค่นักวิ่งวันหยุดเหมือนอย่างที่นิยมกระทำกันในคณะละครสัตว์อื่น ๆ ซึ่งเคยมาเปิดการแสดงที่นี่ ชาวเมืองต่างก็รับรู้ว่าการวิ่งของนักวิ่งวันหยุดมักจะวิ่งกันอย่างกระปริดกระปรอย พูดง่าย ๆ คือหาความสม่ำเสมอได้ยาก ไม่ต่างจากอาการถ่ายอุจจาระในคนป่วยท้องเดิน นับเป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้ในดินแดนแห่งการวิ่งนี้
ประสันติในฐานะนักวิ่งสามัญผู้ผ่านการเคี่ยวกรำตัวเองมาอย่างหามรุ่งหามค่ำ เขารู้ดีว่าหากไม่ใช้ความพยายามก็ยากที่จะพบความสำเร็จในระดับสูงสุด ด้วยตำแหน่งหัวหน้าคณะละครสัตว์อันทรงเกียรตินั้น ต้องผ่านการช่วงชิงกันเองภายในคณะละครสัตว์อย่างหนัก ท่ามกลางมวลหมู่สมาชิกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักมายากล นักกายกรรม คนฝึกสิงโต คนพาช้างไปอาบน้ำ คนขายอ้อยควั่น คนยกกระโถน ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น ทุกคนล้วนอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นนักวิ่งสามัญด้วยกันทั้งสิ้น เว้นไว้เสียก็แต่พวกไม่เอาการเอางาน ไร้ซึ่งความทะเยอทะยานในชีวิต การได้เป็นนักวิ่งสามัญย่อมปูทางไปสู่การเป็นนักวิ่งหมายเลยหนึ่ง ทั้งทางตรงและทางลัด มีแต่นักวิ่งหมายเลขหนึ่งเท่านั้นที่จะสามารถก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าคณะละครสัตว์ได้ทันทีที่ต้องการ ด้วยอำนาจอันมิอาจมีผู้ใดกล้าขัดขืน
แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด นักวิ่งหมายเลขหนึ่งจะได้รับการจดจำตลอดไป มนุษย์ระดับสูงสุดที่กลายเป็นอมตะอยู่ในความทรงจำของทุกคนในดินแดนแห่งการวิ่ง และถ้าใครไม่โกหกตัวเอง ทุกคนย่อมรับรู้ว่า ทุกชีวิตในดินแดนแห่งการวิ่งล้วนอยากเป็นอมตะเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ประสันติเองก็มีความปรารถนาเหมือนคนทั่วไป โดยไม่ต้องหาเหตุผลใดมากล่าวอ้างให้มากความ ที่ผ่านมาเขาจึงฝึกวิ่งอย่างหนักเพื่อแข่งขันชิงดีชิงเด่นกับพวกนักวิ่งสามัญด้วยกัน ประสบการณ์ในทุก ๆ ก้าวที่เขาทิ้งไว้ข้างหลังทำให้เขาเข้าใจการวิ่งมากขึ้น เขาบอกกับตัวเองว่า มันไม่ใช่กระแสหรือแฟชั่นอะไรหรอกนะ แต่มันเป็นงานแห่งชีวิตเลยทีเดียว ก็อย่างที่ใครต่อใครต่างรู้ดีว่า ในดินแดนแห่งการวิ่งนี้ ถ้าไม่วิ่งให้ดีที่สุดก็จะไม่มีใครจดจำได้ ผู้ชมมากมายทั้งเบื้องบน เบื้องกลาง ตลอดจนเบื้องล่าง จะไม่มีใครปรบมือและส่งเสียงโห่ร้องชื่นชม การแสดงจะไม่มีวันสำเร็จ สุดท้ายแล้วนักวิ่งสามัญที่ล้มเหลวก็จะหายไปในอากาศอันเน่าเหม็น ดุจเดียวกับควันไฟจากเตาเผาขยะประจำเมือง
ในครั้งแรก ๆ ตอนที่ประสันติยังไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไรนัก ตามประสาเด็กเก็บตั๋วซื่อ ๆ คนหนึ่ง ผู้นิยมกินของหวานมากกว่าของขม หลายต่อหลายครั้งที่เหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ บางครั้งผสมเข้ากับความเจ็บปวดที่ถูกรองเท้ากัดตรงตาปลา มันทำให้เขาเกิดความสับสนขึ้นภายในใจ ใช่ เขาเคยไม่แน่ใจว่า ตนเองตัดสินใจย้ายตำแหน่งมาเป็นนักวิ่งสามัญทำไม จะเป็นนักวิ่งสามัญให้เหนื่อยยากไปเพื่ออะไรกันเล่า สู้หลบไปนอนนุ่งผ้าขาวม้าทาแป้งเย็น แล้วเปิดพัดลมเบอร์สามใส่ตรง ๆ ไม่ดีกว่าหรือ แต่ปลายแส้ของหัวหน้าคณะและครูฝึกก็ทำให้เขาขยันขึ้น บางครั้งถึงกับฝึกหนักจนสลบเหมือดไป แต่เขาก็เอาชีวิตรอดมาได้ ไม่ถึงกับตายเหมือนเพื่อนนักวิ่งสามัญบางคนที่โชคร้ายหรือหมดบุญ
ด้วยความหวาดกลัวปลายแส้ เขาจึงฝึกซ้อมวิ่งเป็นประจำ แม้กระทั่งในวันหยุด หลังจากยืนเก็บตั๋วสบาย ๆ มานานสิบกว่าปี ชีวิตนักวิ่งสามัญจึงเป็นครื่องหมายของความเหนื่อยยาก เหมือนวัวควายที่จำต้องลากเกวียนไปตามเส้นทางทุรกันดาร ทว่าเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง เขาก็เริ่มสนุกกับการวิ่งเหมือนนักวิ่งอาชีพทุกคน มันทั้งเหนื่อยทั้งสะใจเลยก็ว่าได้ เมื่อสามารถวิ่งติดต่อกันจนถึงระดับที่เหงื่อโทรมกาย ยามนั้นหากมีสายลมเย็นพัดผ่านร่างไป นักวิ่งย่อมจะได้รับบำเหน็จแห่งความสุขเป็นเครื่องตอบแทนเสมอ
หลังจากทนฝึกวิ่งอย่างหนัก ก่อนการวิ่งจริงจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ในที่สุด ทุกคนที่มองเห็นพลังของประสันติ ต่างก็ออกแรงตะโกนเรียกชื่อเขาดังลั่นสนั่นเมือง ยามที่เขาฝึกวิ่งผ่านหน้าคนเหล่านั้นไป เพื่อสนับสนุนให้เขาได้รับตำแหน่งนักวิ่งหมายเลขหนึ่งไปครองสมใจปรารถนา ดูเหมือนว่าชาวดินแดนแห่งการวิ่งเหล่านั้น จะเล็งเห็นความสามารถพิเศษของเขา ประหนึ่งคนที่รู้จักไส้ทุกขดในกันและกันนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังได้รับตำแหน่งนักวิ่งหมายเลขหนึ่งอันทรงเกียรติแล้ว ผู้จัดการคณะละครสัตว์จะคอยเตือนประสันติอยู่เสมอว่า นับเป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษแล้วที่คณะละครสัตว์นี้ได้ก่อตั้งขึ้น และตำแหน่งนักวิ่งหมายเลขหนึ่งก็เป็นตัวชูโรงมาโดยตลอด ทำรายได้ให้แก่ทุกคนจนอยู่กินอย่างสุขสบายมาชั่วลูกชั่วหลาน ด้วยเหตุนี้เกียรติยศจึงมาพร้อมกับตำแหน่งนักวิ่งหมายเลขหนึ่ง ดังนั้นในแต่ละวินาทีที่เขาก้าวขาวิ่งออกไป เขาจะมัวทำเป็นเรื่องเล่น ๆ ไม่ได้ ที่สำคัญพวกพ้องน้องเพื่อนที่สนับสนุนเขาตั้งแต่ตอนเริ่มต้น จะต้องได้รับความสำคัญและผลประโยชน์ก่อนชาวเมืองคนอื่น ๆ เขาได้ฟังก็พยักหน้ารับรองอย่างแข็งขัน แม้จะหน้านิ่วคิ้วขมวดไปบ้างแต่ก็เข้าใจ และพร้อมอุทิศตนเพื่อพวกพ้องน้องเพื่อนทุกคนเสมอ เขาหวังว่าการแสดงการวิ่งครั้งใหม่นี้ จะทำให้ชาวคณะละครสัตว์และชาวเมืองได้รับความพึงพอใจกันถ้วนหน้า จากนั้นพร้อมใจกันยกย่องให้เขาเป็นเจ้าแห่งการวิ่งอย่างแท้จริง ใช่แล้ว เขาปรารถนาความยิ่งใหญ่เหนือนักวิ่งหมายเลขหนึ่งคนใดในหน้าประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งการวิ่งนี้

— บางตอนจากเรื่อง #นักวิ่ง ในหนังสือ #ตรอกคนบ้าและเรื่องสั้นอื่นๆ (2018) โดย ธาร ยุทธชัยบดินทร์ สำนักพิมพ์ ศิราภรณ์บุ๊คส์ จัดพิมพ์

ความคิดเห็น