โค้ชเฒ่า



จากคำให้สัมภาษณ์ในภายหลัง ทำให้เราทราบว่าโค้ช ฮ.รับรู้จากปากของประธานสโมสรผู้เป็นเพื่อนเกลอมาได้หลายเดือนแล้วว่า ในฤดูกาลหน้า สโมสรฟุตบอลแห่งนี้จะมีโค้ชคนใหม่มาคุมทีมแทนแก เป็นโค้ชหนุ่มฝีมือดีและอนาคตไกล นั่นหมายถึงการอำลาสโมสรเมื่อจบฤดูกาล ไม่ว่าแกจะนำทีมคว้าชัยชนะในฐานะแชมป์เปี้ยนได้หรือไม่ แกต้องย้ายไปคุมสโมสรอื่น แต่แกไม่อยากย้ายไปไหนอีกแล้ว บางทีอาจจะถึงเวลาวางมือจากวงการ แกรู้สึกใจหายเมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้ กว่าห้าสิบปีที่คลุกคลีอยู่กับวงการฟุตบอล ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช แกสนิทแนบแน่นกับมันไม่ต่างจากลมหายใจที่ผูกพันกับร่างกาย  มันคืองานแห่งชีวิตโดยแท้

เมื่อสองปีก่อน โค้ช ฮ.ได้หวนกลับมาคุมนักเตะในสโมสรของเราอีกครั้งหนึ่ง นั่นเป็นภารกิจที่ท้าทายสำหรับชายชราในวัยหกสิบแปดปีเป็นอย่างยิ่ง เมียของแกให้การสนับสนุนด้วยดีมาโดยตลอด ลูกเต้าก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้แกต้องกังวลหรือห่วงหน้าพะวงหลังอีก 

สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ก็คือความปรารถนาจะคว้าเกียรติยศสูงสุดมามอบให้แก่สโมสรแห่งนี้ แกคาดหวังในชัยชนะ หวังอย่างยิ่งในถ้วยแชมป์เปี้ยนสีเงินแวววาวอันงดงาม 

ผู้บริหารสโมสรของเรารับรู้ว่า ในยามวิกฤตสามารถพึ่งพาโค้ช ฮ.ได้เสมอ แกเคยทำงานให้กับสโมสรของเรามาหลายครั้งในตอนที่ยังหนุ่มกว่านี้ และประสบความสำเร็จพอสมควรในการเข้ามากู้วิกฤต ก่อนที่จะย้ายไปคุมสโมสรอื่นเพราะหมดสัญญา (มีอยู่ครั้งหนึ่งแกถึงกับถูกไล่ออกเลยทีเดียว) นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บริหารต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเอง  ทั้ง ๆ ที่เคยปฏิเสธไม่จ้างโค้ช ฮ. คราวก่อน ด้วยเหตุว่าแกแก่มากเกินไป

ก็อย่างที่รู้กันดี ก่อนหน้านี้สโมสรของเราไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทั้งจากรายการแข่งขันในประเทศและนอกประเทศระดับทวีป มันเป็นเรื่องน่าขายหน้าสำหรับสโมสรที่มีเกียรติประวัติยิ่งใหญ่มายาวนาน ความรับผิดชอบอันหนักอึ้งและแสนจะกดดันจึงโถมทับลงบนบ่าชราทั้งสองข้าง บ่าซึ่งเคยแบกความสำเร็จมาแล้วหลายครั้งกับหลายสโมสร

สีหน้าสีตาของโค้ช ฮ.ตอนแถลงข่าวเปิดตัวโค้ชคนใหม่บอกว่าแกจะต้องทำให้ได้ มันมีแววจริงจังและความเชื่อมั่นจนทุกคนแทบจะเอื้อมมือไปสัมผัสได้ แล้วทุกคน (นักเตะทั้งหลายและบรรดาแฟนฟุตบอล) ก็เชื่อใจในตัวโค้ช ฮ.นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นัยว่าแกคือมะพร้าวห้าวของแท้ เป็นโค้ชที่เหมาะสมกับสโมสรมากที่สุด และจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอน

เมื่อฤดูกาลแห่งศึกลูกหนังเริ่มต้นขึ้น การแข่งขันนัดแรกได้รับความสนใจจากทุกฝ่าย บรรดาแฟนฟุตบอลของสโมสรอย่างเรากระตือรือร้นยิ่งกว่าปีก่อน ๆ เสียอีก  ทุกคนต่างก็ต้องการซื้อตั๋วเข้ามาชมฝีมือของโค้ช ฮ.และนักเตะคนโปรด แต่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้มกลิ้งหกคะเมนไม่เป็นท่ารวมถึงชัยชนะด้วย เมื่อสโมสรของเราบุกไปพ่ายนอกบ้าน 2 ต่อ 0 ประตู การแข่งขันนัดถัดมาเสมอ 2-2  นัดที่สามแพ้คาบ้าน 0-2 และนัดที่สี่แพ้คาบ้าน  (อีกแล้ว) 0-1 

ใครต่อใครพากันตะโกนถามเสียงขรมว่าเกิดอะไรขึ้นกับสุดยอดทีม สุดยอดโค้ช และสุดยอดนักเตะของเรา   จากการจัดอันดับภายในประเทศ สโมสรของเราแทบจะตกอันดับไปอยู่กลางตารางผลการแข่งขัน นี่นับเป็นวิกฤตประการหนึ่งก็ว่าได้

แน่นอน โค้ช ฮ.รู้ดีว่าปัญหาอาจเกิดได้เช่นนี้ เนื่องจากแกปรับเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นของนักเตะบางคน ที่เคยเล่นในตำแหน่งปีกก็ถูกแกจับไปเล่นเป็นกองกลางตัวรับ คนเคยถนัดเล่นเป็นกองหลังถูกย้ายไปเป็นกองกลางตัวรุก หลายสิ่งหลายอย่างดูยุ่งเหยิงพัลวันไปหมด บางคนเริ่มมองแกด้วยสายตาคลางแคลงใจ   หลายคนถึงกับตั้งฉายาให้แกว่า “โค้ชมะเขือเผา” 

ใช่แล้ว แกเคยเป็นโค้ชที่ดี เก่งกาจ คว้าชัยชนะมามากมาย เคยเข้ามากอบกู้วิกฤตให้สโมสรของเราก็หลายครั้ง แต่นั่นคืออดีต ปัจจุบันแกคือโค้ชเฒ่า หรือว่าแท้ที่จริงไฟของแกได้มอดดับไปนานแล้ว ผู้บริหารสโมสรของเราวางแผนผิดพลาดไป เราเคยคิดเช่นนั้น

การแข่งขันนัดถัดมาสถานการณ์ค่อยดีขึ้น หลังจากที่โค้ช ฮ.ได้พูดเปิดอกกับบรรดานักเตะของสโมสรถึงความใฝ่ฝันของแก (กัปตันทีมนำมาเล่าในเฟซบุ๊ค) เกี่ยวกับความปรารถนาก่อนจากไปเมื่อครบสัญญาคุมทีมสองปี  แกบอกว่า แกต้องการชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ แกหมายถึงการคว้าแชมป์รายการใหญ่ทั้งสามรายการ ซึ่งจะได้รับการจารึกและจดจำในฐานะสโมสรแรกของประเทศที่ทำได้สำเร็จ การจะทำเช่นนั้นได้ นักเตะทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับแกด้วย โค้ช ฮ.ยอมรับสารภาพอย่างหน้าชื่นตาบานว่า แกต้องการชูถ้วยแชมเปี้ยนพร้อมกันกับนักเตะทุกคน 

ช่วงเวลานั้นเองที่นักเตะหนุ่ม ๆ พากันฝันเห็นเกียรติยศในอาชีพค้าแข้งวางอยู่ตรงหน้า ถ้วยแชมป์เปี้ยนวางอยู่ตรงแท่นนั่นเห็นหรือไม่ มันกำลังรอให้พวกเขาไขว่คว้าขึ้นมาจุมพิตแล้วหลั่งน้ำตา จากนั้นก็ชูขึ้นสุดแขนให้โลกรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของสโมสร ด้วยเหตุนี้เองเมื่อถึงเวลาลงสนามแข่งขัน พวกเขาจึงวิ่งตะลุยไปบนพื้นสนามหญ้า วิ่งขึ้นวิ่งลง วิ่งจากซ้ายไปขวา วิ่งจากขวาไปซ้าย ต่อลูกบอลสั้น ๆ อย่างแม่นยำ หลายครั้งโยนลูกโด่งก็ไม่มีผิดพลาด เรี่ยวแรงล้นเหลือจนวิ่งได้นานกว่าเก้าสิบนาทีโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย พวกเขาไม่ต้องการความพ่ายแพ้อีกต่อไป แม้แต่การเสมอก็ไม่ต่างจากความพ่ายแพ้ มีแต่ชัยชนะอย่างท่วมท้นเท่านั้นจึงจะเป็นการชนะอย่างแท้จริง พวกเขาเฝ้าบอกตัวเองทุกวันในระหว่างฝึกซ้อมและลงแข่งขัน 

หลังจากนั้นโค้ช ฮ.ก็ได้พานักเตะของตนวิ่งตะบึงไปบนเส้นทางสายชัยชนะนัดแล้วนัดเล่า จนกลายเป็นทีมจ่าฝูงที่ทีมอื่น ๆ ต้องเกรงกลัวในความสามารถ สื่อมวลชนได้ทำนายล่วงหน้าในช่วงนั้นเองว่า สโมสรของเราจะได้เป็นแชมป์ทั้งสามรายการหลัก เหล่าแฟนฟุตบอลอย่างเราล้วนยินดีและเฝ้ารอคอยวันแห่งความสำเร็จ เรากระหายชัยชนะไม่ต่างจากนักเตะของสโมสร ชัยชนะเท่านั้นที่เราต้องการ

อย่างไรก็ตาม มีบางเรื่องที่โค้ช ฮ. ไม่อาจควบคุมได้ นักเตะตัวเก่งในตำแหน่งกองกลางของเราเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นมาระหว่างการแข่งขันนัดหนึ่ง แพทย์ประจำทีมลงความเห็นหลังตรวจร่างกายว่าต้องพักรักษาตัวถึงห้าเดือน นั่นคือข่าวร้าย เพราะด้วยระยะเวลายาวนานขนาดนั้น ชัยชนะทั้งหมดก็จะลอยผ่านเราไปจนหมดสิ้น ทุกคนรู้สึกเศร้าเสียใจ ยกเว้นก็แต่โค้ช ฮ. แกพยายามปลุกปลอบนักเตะทุกคน โดยเฉพาะตัวสำรองที่จะเข้ามาแทนที่ แกบอกว่าให้ทุกคนมีความหวัง ความหวังจะทำให้ทุกคนชนะ 

นับว่าโค้ช ฮ.กล่าวได้ถูกต้อง  สโมสรของเราทำผลงานได้ดีในการแข่งขันเกือบทุกนัดต่อจากนั้น แต่ก็ไม่อาจสู้ทีมคู่แข่งบางทีมได้ ปลายฤดูกาลของการแข่งขันเราต้องทำใจยอมรับความปราชัย เราพลาดถ้วยแชมป์ลีกให้แก่สโมสรคู่อริในประเทศ เพราะทำคะแนนสะสมไล่ไม่ทัน และไม่นานก็พ่ายแพ้ให้แก่สโมสรเดิมในการแข่งขันชิงถ้วยแชมเปี้ยนภายในประเทศ  

ทั้งหมดนี้แทบจะทำให้เราและนักเตะล้มตัวลงนอนซมด้วยพิษไข้ไปหลายสัปดาห์เลยทีเดียว แม้ว่าจะยังคงเหลือการแข่งขันนัดสำคัญที่สุดอยู่อีกหนึ่งรายการอย่างแชมป์เปี้ยนลีกระดับทวีปก็ตาม พวกนักเตะเจ็บป่วยทางใจเสียแล้ว  มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความพ่ายแพ้ โค้ช ฮ.เข้าใจดีด้วยเคยมีอาชีพค้าแข้งมาก่อนสมัยเป็นหนุ่ม แกพยายามให้กำลังใจและคิดวางแผนกลยุทธ์เด็ดที่จะทำให้ทีมเอาชนะในรอบชิงแชมป์ได้สำเร็จ ถ้าเพียงแต่สโมสรของเราทำได้   ถ้วยใบใหญ่ที่สุดก็จะเดินทางมาอยู่กับสโมสรของเรา หลังจากห่างหายไปนานสิบกว่าปีเลยทีเดียว ชื่อของสโมสรจะได้รับการจารึกลงบนโลหะอันเป็นประกาย ชื่อของนักเตะทุกคนจะได้รับการจดจำในฐานะตำนาน ความพ่ายแพ้ในรายการอื่นจะไร้ความหมายในทันที 

โค้ช ฮ.กระตุ้นพวกนักเตะหนุ่ม ๆ ว่า “ไม่มีใครจดจำผู้แพ้หรอกไอ้หนู พวกเอ็งต้องชนะให้ได้ สู้ให้สุดฝีตีน พรุ่งนี้จะเป็นนัดสุดท้ายของฤดูกาลนี้แล้ว”

แต่สุดท้ายก็ไม่มีปาฏิหาริย์ใด ๆ เกิดขึ้น สโมสรของเราถูกล้อเลียนไปร่วมเดือนจากคู่แข่งทุกสโมสร เจ้าของตำแหน่งรองแชมป์เปี้ยนสามรายการใหญ่กลายเป็นตัวตลกในวงการฟุตบอลไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หากเป็นสโมสรเล็ก ๆ แล้วประสบความสำเร็จเท่านี้ ก็คงนับว่าดีเยี่ยมไม่น้อย แต่กับสโมสรของเรา การเป็นที่สองไม่ได้ให้อะไรมากไปกว่าความอับอาย ไม่มีที่ยืนสำหรับผู้พ่ายแพ้ เราต่างถูกหล่อหลอมออกมาจากเบ้าแห่งเกียรติยศเช่นนี้เป็นเวลานานนับศตวรรษแล้ว

ฤดูกาลแห่งการแข่งขันอันน่าเศร้าจบสิ้นลง ฤดูร้อนไม่มีอะไรให้ทำอีก โค้ช ฮ.และนักเตะพากันปลีกตัวไปสู่ความวิเวกในป่าลึกบนภูเขาสูง บ้างก็ไปเลียแผลใจที่บ้านพักตากอากาศริมทะเล ทุกคนพยายามมีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่างในแบบที่ชีวิตคนมีชื่อเสียงควรจะเป็น เพื่อจะลืมความผิดหวังทั้งหมด 

แต่ก็อย่างที่มีคนพูดกันว่ายิ่งพยายามลืมกลับยิ่งจดจำ จากการให้สัมภาษณ์นักข่าว เราถึงได้รับรู้ว่านักเตะหลายคนต้องแอบร้องไห้ยามอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ในเวลาที่ภรรยาและลูก ๆ ของพวกเขาหลับสนิทกันหมดแล้ว ทว่าก็ยังมีนักเตะอีกไม่น้อยที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากให้ฤดูกาลแข่งขันใหม่เริ่มต้นเสียที พวกเขาอยากลงเตะโดยเร็วที่สุด พวกเขายังคงกระหายในชัยชนะ ใช่ พวกเขาต้องการกัดเคี้ยวชัยชนะให้เต็มปากเต็มคำ ต้องการหัวเราะและร้องไห้ด้วยความปีติในชัยชนะ พวกเขาบอกทุกคนที่ขวางหน้าว่า ไม่มีใครจะเข้าใจความรู้สึกนี้หรอก หากไม่ใช่นักฟุตบอลและแฟนฟุตบอลของพวกเขา

โค้ช ฮ.ก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้าใจเรื่องนี้ดี แกใจจดใจจ่อรอให้การแข่งขันในฤดูกาลใหม่มาถึง พร้อมกันกับที่แกได้ขอให้ทางสโมสรฟุตบอลซื้อนักเตะเก่ง ๆ เข้ามาเสริมทัพอีกหลายคน เงินจำนวนมหาศาลถูกใช้จ่ายออกไปอย่างรอบคอบ ไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อนักเตะฝีเท้าดีเข้ามาตามใจกระสันต์เหมือนบางสโมสร รอยรั่วได้รับการอุดให้แน่น รอยแตกได้รับการซ่อมแซม แผลใจก็เลือนจางไป บรรดานักเตะของเราไม่ต่างจากกองทัพนักรบที่เคยตายกลางสนามศึกแล้วถูกชุบชีวิตให้ฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ ทุกคนพร้อมลงแข่งขันเพื่อชิงชัยแล้ว ธงทิวปลิวไสวไปทั่วสนาม แฟนฟุตบอลอย่างเราส่งเสียงเพลงปลุกใจและโห่ร้องก้องสนามฟุตบอลอีกครั้งหนึ่ง

แล้วโค้ช ฮ. ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง นักเตะของเราเก็บเกี่ยวชัยชนะได้นัดแล้วนัดเล่า คว้ามันได้คล่องมือราวกับชาวนาผู้ชำนาญการเกี่ยวรวงข้าวสีทองเข้าสู่อ้อมแขน รวงข้าวแห่งชัยชนะถูกเก็บเกี่ยวเข้าสู่ยุ้งฉาง บ้างก็นำรวงข้าวนั้นมาถักทอเป็นมงกุฎสีทองประดับบนศีรษะตนและคนรัก นักเตะทุกคนพร้อมใจกันเชื่อฟังคำสั่งของโค้ช ฮ. แผนการเล่นฟุตบอลไม่มีอะไรผิดพลาด ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังไปได้สวย สโสมรของเราเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันทุกรายการ แต่แล้วเมื่อโค้ช ฮ.มีโอกาสนั่งอยู่เบื้องหน้าของเหล่านักข่าวในวันหนึ่ง ถ้อยคำที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือ

“จบฤดูกาลนี้แล้วผมจะเกษียณตัวเอง ผมจะวางมือ คนแก่อย่างผมควรพักผ่อนเสียที ไม่ว่าผลการแข่งขันของเราจะจบลงที่ชัยชนะหรือพ่ายแพ้” โค้ชฮ. กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวสั้น ๆ ดังนี้

เราต่างก็รู้สึกตกใจและเศร้าใจไปกับการตัดสินใจของโค้ช ฮ. แน่นอน  เราต่างรู้ดีว่าสุขภาพของแกยังไปไหว ยังสามารถคุมสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ได้อีกอย่างน้อยสองหรือสามปี แต่เราก็ต้องให้ความเคารพแก่โค้ช ฮ. แกสมควรได้รับในสิ่งที่แกต้องการ กว่าห้าสิบปีมาแล้วมิใช่หรือที่แกต้องตรากตรำอยู่ในวงการฟุตบอล สิ่งดีที่สุดก็คือทุกคนต้องช่วยกันทำให้บั้นปลายอาชีพของแกครบถ้วนสมบูรณ์ด้วยชัยชนะและเกียรติยศ นั่นคือต้องคว้าแชมเปี้ยนทุกรายการมาครองให้จงได้

ไม่นานนักก็มีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่า สาเหตุที่โค้ช ฮ.ประกาศวางมือและให้สัมภาษณ์เหมือนคนน้อยใจนั้น เป็นเพราะสโมสรของเราจะได้โค้ชคนใหม่มาคุมในฤดูกาลหน้า เป็นโค้ชหนุ่มผู้เต็มไปด้วยฝีมือ มีชื่อเสียงระดับโลก พร้อมความสำเร็จเยี่ยงคนหนุ่มอนาคตไกล นี่เป็นอีกครั้งที่เรามองเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของโค้ช ฮ. ใครต่อใครพากันลืมไปแล้วหรือว่าแกยังคุมทีมนี้อยู่ นักข่าวพากันวิ่งเข้าหาโค้ชคนใหม่ราวกับว่าโค้ชผู้นั้นได้เข้ามารับงานคุมสโมสรของเราแล้ว

การแข่งขันนัดถัดมา สโมสรของเราต้องพบกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกของฤดูกาลนี้ พูดกันว่านี่เป็นเพราะนักเตะเสียสมาธิ หรืออาจจะสับสนในข่าวเกี่ยวกับโค้ชคนใหม่ เส้นทางแห่งชัยชนะ เส้นทางซึ่งมุ่งหน้าสู่ความเป็นแชมป์เปี้ยน ได้ถึงคราวสะดุดอีกครั้งแล้วหรือนี่ เราแฟนฟุตบอลต่างตั้งคำถามด้วยความสับสนไปพร้อมกันกับนักเตะ ช่างเป็นข่าวบ้าบอคอแตกจริง ๆ

ทว่านั่นก็เป็นเพียงความพ่ายแพ้ครั้งเดียวในฤดูกาลแห่งความทรงจำนี้ นับแต่นั้นเป็นต้นมา สโมสรของเราก็คว้าชัยชนะได้ในทุกนัดและทุกรายการแข่งขัน  โค้ช ฮ.พยายามอย่างสุดฝีมือที่จะทิ้งร่องรอยของแกให้ทุกคนจดจำตลอดไป กลเม็ดเด็ดพรายต่าง ๆ ถูกนำมาใช้อย่างถูกที่ถูกทาง นักเตะตัวเก่งก็สามารถเล่นตามแผนของแกได้อย่างสุดวิเศษ เราส่งเสียงเฮลั่นสนามทุกครั้งที่ยิงประตูได้ และทุกครั้งที่กรรมการผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา ในที่สุด สโมสรอันยิ่งใหญ่ก็ทำได้สำเร็จในเบื้องต้นด้วยการคว้าแชมป์ลีกและแชมป์ถ้วยในประเทศ แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรรู้ดีว่า นี่ยังไม่พอเพียงต่อความปรารถนาส่วนลึกของหัวใจ ด้วยมีสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุดกำลังรอเราอยู่

และแล้วสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุดก็มาถึง เมื่อสโมสรของเราได้เข้าชิงถ้วยแชมป์เปี้ยนลีกระดับทวีปอีกครั้งหนึ่ง นับเป็นการเข้าชิงสองปีติดกันเลยทีเดียว นักเตะไม่ว่าหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ในทีมล้วนตื่นเต้น พวกเขาคึกคักไม่ต่างจากไก่หนุ่ม ๆ ที่จะได้ลงสังเวียนประลองกำลัง สโมสรคู่แข่งเป็นทีมคู่อริที่ผลัดกันแพ้ชนะมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เราจะแพ้ไม่ได้ เดิมพันนี้สำคัญที่สุด หลังจากเมื่อปีที่แล้วสโมสรของเราเป็นรองแชมป์ในการแข่งขันสำคัญถึงสามรายการ หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย โดยเฉพาะในถ้วยใหญ่สุดอย่างแชมป์เปี้ยนลีก ทุกคนก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นไอ้ขี้แพ้ในหน้าประวัติศาสตร์ตลอดไป

แต่ก็อย่างที่เรารู้กันดี ฟุตบอลลูกกลม ๆ เอาอะไรแน่นอนไม่ได้เลย ชัยชนะอยู่แนบสนิทกับความพ่ายแพ้ มันพลิกไปพลิกมาได้เสมอ สโมสรที่ดีที่สุดอาจไม่ได้รับชัยชนะเป็นรางวัล สโมสรเก่งที่สุดอาจไม่ได้เป็นแชมป์เปี้ยน สโมสรของเราก็อาจมีชะตากรรมเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่ได้กลายเป็นทีมเต็งหนึ่งไปแล้ว

เมื่อเกมสำคัญเริ่มต้นขึ้น นักเตะของเราต้องตั้งรับการโหมบุกของสโมสรคู่อริอย่างแทบโงหัวไม่ขึ้น ฝีมือของโค้ชหนุ่มอนาคตไกลอีกคนหนึ่งของวงการที่คุมสโมสรคู่อริฉายแสงเจิดจ้าน่าจับตา โค้ชหนุ่มคนนี้เคยเอาชนะสโมสรของเรามาได้หลายครั้ง นับได้ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะนำพาวงการฟุตบอลก้าวหน้าไปได้อีกยาวไกล สื่อมวลชนพากันยกย่องมากมายในเรื่องนี้

นาทีที่ 9 นักเตะของสโมสรคู่อริยิงสุดแรงนอกกรอบเขตโทษ เรานั่งดูอยู่ถึงกับใจหายวาบ โชคดีที่ลูกฟุตบอลลอยข้ามคานประตูไปอย่างน่าหวาดเสียว โค้ช ฮ.มีสีหน้ากังวลเล็กน้อย

นาทีที่ 14 ผู้เล่นกองหน้าของสโมสรคู่อริปั่นลูกฟุตบอลด้วยเท้าขวา ลูกฟุตบอลทำท่าจะลอยเข้าประตูตรงใต้คาน แต่ผู้รักษาประตูของเรามีสติและสมาธิดีมาก สามารถกระโดดปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 15 สโมสรคู่อริเกือบจะยิงขึ้นนำได้อยู่แล้ว เมื่อนักเตะในตำแหน่งปีกขวาของพวกเขาบุกเข้ามาแปแบบเน้น ๆ แต่ติดขาผู้รักษาประตูของเราเสียก่อน ถึงตอนนี้โค้ช ฮ.ก็แทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้

เราในฐานะกองเชียร์เริ่มมองเห็นลางแห่งความพ่ายแพ้ มันกำลังจะซ้ำรอยเดิมกับเมื่อปีที่แล้ว สโมสรของเราเล่นกันได้ดีมาโดยตลอด ทว่ามักจะต้องมาตกม้าตายในรอบชิงเสมอ นักเตะที่เคยเก่งกาจก็เหมือนจะอับเฉาลงด้วยความเกร็ง เราอยากก่นด่าแต่ก็นึกสงสาร ใช่ ไม่มีใครปรารถนาความพ่ายแพ้ ความพ่ายแพ้ไม่เคยมีกลิ่นหอมหวานสำหรับใคร ที่สำคัญไม่มีใครจดจำคนแพ้ เว้นเสียก็แต่เวลาต้องการดูถูกเหยียดหยามกันเท่านั้น

นาทีที่ 20 สโมสรคู่อริยังคงบุกใส่นักเตะของเราอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีความเกรงกลัวกันบ้างเลย แล้วก็เกือบทำสำเร็จ เมื่อกองหน้าของพวกเขายิงด้วยเท้าขวาเข้ากรอบประตูด้านซ้าย ทว่าผู้รักษาประตูคนเก่งของเรายังตะครุบลูกฟุตบอลไว้ได้ โค้ช ฮ.ต้องลุกขึ้นมาตะโกนสั่งการด้วยเสียงสั่น ๆ แบบคนแก่ของแก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยิน

นาทีที่ 25 กองกลางของเราได้เตะลูกฟุตบอลยาวเข้ามาถึงหน้าประตูอีกฝ่ายหนึ่ง กองหน้าตัวเก่งพยายามกระโดดขึ้นโหม่ง แต่ไม่เต็มหัวจึงไม่มีน้ำหนัก ผู้รักษาประตูของสโมสรคู่อริคว้าลูกฟุตบอลไว้ได้อย่างง่ายดาย เราถอนใจเฮือก หลายคนเป่าลมออกจากปาก ส่วนโค้ช ฮ.ทำสีหน้าไม่สบอารมณ์

นาทีที่ 30 ปีกขวาตัวความหวังของสโมสรเรามีโอกาสหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงบ้างแต่ไม่สำเร็จ เพราะดันไปยิงเข้าตรงตัวผู้รักษาประตู ถึงตรงนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าประวัติศาสตร์น่าจะซ้ำรอยจริง ๆ เสียแล้ว สโมสรของเราไม่มีโชคและกำลังจะพ่ายแพ้อีกครั้งหนึ่ง มันคงเป็นครั้งที่เจ็บช้ำที่สุด

นาทีที่ 41 สโมสรคู่อริบุกขึ้นมาทางขวาและได้โอกาสซัดลูกฟุตบอลในกรอบเขตโทษ แต่ลูกฟุตบอลลอยข้ามคานไป โค้ช ฮ.ถอนใจโล่งอกเช่นเดียวกับเรา

นาทีที่ 42 ปีกขวาตัวความหวังลากลูกฟุตบอลเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษอีกครั้ง คราวนี้ผู้รักษาประตูของสโมสรคู่อริใช้ใบหน้ารับลูกฟุตบอลไว้จนหัวสั่นน้ำลายกระเด็น มันรุนแรงราวกับถูกชกด้วยหมัดอันใหญ่โต เราได้แต่เป่าปากกับความล้มเหลวของนักเตะตัวความหวัง ลางแพ้เริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นทุกนาทีที่ผ่านไป แน่นอน เมื่อมีโอกาสยิงเป็นประตูแล้วทำไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรตอบแทนคุณได้ถึงใจเท่ากับความพ่ายแพ้อีกแล้ว เราไม่มีโชคจริง ๆ ตามประสาคนดวงไม่ถึงแชมป์ ถึงตอนนี้โค้ช ฮ.ก็พยายามทำมือไม้ส่งสัญญาณให้นักเตะเล่นตามแผนที่วางไว้

ช่วงท้ายเกมไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบเกมครึ่งแรก สโมสรเรากับสโมสรคู่อริเสมอกัน 0 ต่อ 0 ประตู

บรรดาแฟนฟุตบอลลุกไปเข้าห้องสุขาและปรับทุกข์กันในระหว่างยืนปัสสาวะเรียงหน้ากระดาน เสียงบ่น เสียงด่า เสียงตำหนิ เสียงแช่งชัก ตลอดจนเสียงอะไรที่ว่าแย่ ๆ ต่างดังขรมกันอยู่ในห้องสุขาแห่งนั้น เราด่านักเตะ ด่าโค้ชมะเขือเผา และต้องการโค้ชหนุ่มที่มีแนวทางใหม่ ๆ มากกว่า เรามองว่าหมดยุคโค้ชแก่แล้วอย่างแท้จริง

เริ่มเกมครึ่งหลัง เรากลับเข้านั่งประจำที่ พร้อมกับแหกปากตะโกนส่งเสียงเชียร์สลับกับการร้องเพลงประจำสโมสร

นาทีที่ 58 สโมสรของเราได้ลุ้นก่อนจากลูกเตะมุมธงขวา กองหน้าจอมขยันโขกลูกฟุตบอลสุดแรงแต่ไม่เป็นประตู เพราะนายทวารของฝ่ายตรงข้ามแสดงฝีมืออันเหนียวหนึบ โค้ช ฮ.สบถออกมาหลายคำ ใบหน้านั้นแดงก่ำทีเดียว

นาทีที่ 59 แล้วก็มาถึงจังหวะที่เราได้ตะโกนเฮลั่นสนาม เมื่อนักเตะตำแหน่งปีกขวาตัวความหวังได้ลูกฟุตบอลจากปีกซ้าย แล้ววิ่งด้วยความเร็วหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษจนถึงเส้นหลัง ก่อนจะตวัดด้วยเท้าซ้ายให้ลูกบอลพุ่งเข้ามาตรงกลาง ผ่านหน้าผู้รักษาประตูไปเข้าเท้าของกองหน้า ซึ่งแปอย่างง่าย ๆ เป็นประตูขึ้นนำไปก่อน 1 ต่อ 0 ประตู โค้ช ฮ.กระโดดตัวลอยจากเก้าอี้ ส่วนเราส่งเสียงไชโยโห่ร้องเซ็งแซ่ลั่นสนาม  หลายต่อหลายคนหันหน้ามากอดกันทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพียงเพราะสวมเสื้อสโมสรเดียวกันเท่านั้น ทุกคนกำลังมีความสุข ผิดกับกองเชียร์สโมสรคู่อริที่เงียบราวกับคนใบ้ และมีสีหน้าไม่สบายใจไปตาม ๆ กัน

แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิด ในนาทีที่  67 สโมสรคู่อริมาได้จุดโทษจากการที่นักเตะกองหลังของเราไปทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษโดยไม่ตั้งใจ ด้วยการตีเข่าอย่างเพียงเบา ๆ เข้าบริเวณลิ้นปี่ของนักเตะกองกลางฝ่ายตรงข้ามคนหนึ่ง ซึ่งกำลังบุกขึ้นมาหวังยิงประตู เขาแค่ทำผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยความเผลอเรอ บางทีเขาอาจจะแค่ต้องการหยอกล้อนักเตะคนนั้นเล่นก็เป็นได้ แต่กรรมการกลับมองเป็นเรื่องใหญ่โต โชคดีที่ไม่โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม เราก่นด่ากรรมการไม่หยุดปาก ทว่าโค้ช ฮ.มีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนยอมรับการตัดสิน ตอนนี้ผลการแข่งขันกลับมาเสมอกันที่ 1 ต่อ 1 ประตู เรารู้สึกผิดหวังมาก มิหนำซ้ำใจคอยังไม่ดีสักเท่าไหร่นัก ความกลัวว่าจะแพ้ตามมาหลอกหลอนอีกแล้ว

นาทีที่ 75 นักเตะกองหลังของเราได้จังหวะยิงไกลสุดสวยที่ระยะราว 30 หลา อย่างไรก็ตาม ผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้ามปัดพ้นออกไปได้

นาทีที่ 86 โค้ช ฮ.และเรามาได้ลุ้นชัยชนะอีกครั้ง เมื่อนักเตะกองกลางลูกหม้อตัวเก่งได้ยิงไกล  ลูกฟุตบอลส่ายไปมาในอากาศ น่าจะเป็นลูกที่รับได้ยากยิ่ง ทว่าผู้รักษาประตูของสโมสรคู่อริก็ยังคงรับเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทุกคนถอนหายใจดังเฮือก ส่ายหน้าและอยากร้องไห้ ใกล้จะหมดเวลาแข่งขันเก้าสิบนาทีแล้ว ผลยังเสมอ นั่นหมายความว่าจะต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีกสามสิบนาที ไม่มีใครรู้ว่าถึงตอนนั้นอะไรจะเกิดขึ้น เพราะถ้ายังไม่มีใครชนะ ก็ต้องลงเอยด้วยด้วยการดวลจุดโทษ  ซึ่งเราไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ภาพความพ่ายแพ้หลังดวลจุดโทษในปีที่แล้ว ยังคงตามมาหลอกหลอนเราอยู่ไม่รู้หาย เรานอนกันไม่ค่อยหลับไปหลายเดือนนับจากความปราชัยในนัดชิงชนะเลิศครั้งนั้น เราหวังให้โค้ช ฮ.แก้เกมหรือเปลี่ยนตัวนักเตะคนใหม่ลงไป

ใกล้จะหมดเวลาเต็มที ดูท่าว่าผลมันต้องเสมอกันอย่างแน่นอน ครั้นแล้วในนาทีที่ 89  นักเตะกองหลังของเราก็เตะบอลยาวไปถึงนักเตะปีกซ้าย ซึ่งใช้อกพักลูกฟุตบอลไว้ได้ แต่โดนกองหลังสามคนของฝ่ายตรงข้ามเข้ามารุม และทำท่าจะเพลี่ยงพล้ำ เขาจึงรีบตอกส้นส่งลูกฟุตบอลให้เพื่อนนักเตะปีกขวาตัวความหวังของเรา  ที่กระชากลากลูกฟุตบอลหลบหลีกนักเตะกองหลังหลายคนของทีมคู่อริเข้าไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตู เขาจะทำพลาดอีกครั้งหรือไม่ เขาเคยทำพลาดอย่างนี้มาแล้วหลายครั้งในนัดชิงชนะเลิศหลายรายการ ทั้งกับสโมสรและทีมชาติ มันเป็นตราบาปเลยก็ว่าได้ เป็นปมด้อยที่ดูเหมือนจะประทับอยู่ตรงหน้าผากของเขาจนถึงวันตาย มันเป็นวินาทีที่ทุกคนในสนามต่างก็กลั้นหายใจ โค้ช ฮ.ตาเบิกกว้าง ใบหน้าแดง ความเงียบไหลผ่านทุกคนตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว แล้วอย่างทันทีทันใด เสียงเฮก็ดังลั่นขึ้นเมื่อนักเตะของเราส่งลูกบอลกลิ้งข้ามเส้นประตูไปได้อย่างงดงาม งดงามที่สุดในชีวิตของเขา ของเรา และของโค้ช ฮ.

ในที่สุด เกมการแข่งขันอันยิ่งใหญ่ก็จบลง ผู้แพ้พากันเกลือกกลิ้งร่ำไห้ บ้างก็โก้งโค้งคุกเข่าเอาหัวปักสนามหญ้า บางคนนอนเหม่อลอยมองท้องฟ้าเหมือนจะส่งกระแสจิตถึงพระเจ้า ส่วนผู้ชนะคุกเข่าหลั่งน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ หลายคนกระโดดกอดกันเป็นกลุ่ม สำหรับโค้ช ฮ.ได้แต่ยืนยิ้มแก้มปริหน้าแดงก่ำ ใครเข้ามากอดแสดงความยินดีก็แทบจะไม่รู้สึกตัว ไม่นานนักถ้วยใบใหญ่มหึมาก็ได้รับการชูขึ้นเหนือศีรษะ แฟนฟุตบอลอย่างเรากอดคอกันและส่งเสียงร้องเพลงยินดี หลังจากการรอคอยอันแสนนาน นานมาก นานถึงสิบสองปี บัดนี้โลกของเราเต็มไปด้วยเกียรติยศและความภาคภูมิใจ ทุกคนต่างขอบคุณโค้ช ฮ.ที่ทำให้สโมสรของเรามีวันนี้

“คุณ ฮ. คุณคิดว่าจะวางมือจริง ๆ หรือครับ วางมือทั้ง ๆ ที่มีความสำเร็จอยู่เต็มมือเช่นนี้ คุณน่าจะได้รับโอกาสคุมทีมต่อไป หรืออาจจะเป็นสโมสรอื่นที่ล้วนแล้วแต่ต้องการโค้ชมีฝีมืออย่างคุณ” นักข่าวถามหลังเสร็จพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติต่อหน้าบุคคลสำคัญจากนานาประเทศ และโค้ช ฮ.ได้ประกาศวางมือจากการเป็นโค้ช

“สโมสรฟุตบอลของเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ยุคใหม่ และยุคใหม่ที่ว่านี้...ก็ไม่มีที่ทางสำหรับคนอายุหกสิบแปดปีอย่างผมอีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่คนแก่อย่างผมควรจะพักผ่อนเสียที” โค้ช ฮ.กล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบสั่นเครือ แววตาที่เคยแข็งกร้าวขณะคุมทีมอยู่ข้างสนามบัดนี้กลับอ่อนแสงลง และทำให้แกดูแก่ขึ้นอีกหลายปี

เรารู้ดีว่าโค้ช ฮ.พูดด้วยความเศร้าอยู่ในใจลึก ๆ  สำหรับคนในวัยอย่างแก คงไม่มีเรื่องอะไรน่าเศร้าไปกว่านี้อีกแล้ว เรามองเห็นคลื่นลูกเก่าที่กำลังจะสลายตัวไปเมื่อซัดเข้าถึงฝั่ง เราได้แต่จดจำแกไว้ในฐานะตำนาน แม้รู้ดีว่าสักวันหนึ่ง ความทรงจำพวกนี้ก็จะเลือนหายไปในที่สุดเช่นเดียวกัน


— เรื่อง โค้ชเฒ่า โดย ธาร ยุทธชัยบดินทร์ จากหนังสือรวมเรื่องสั้น กล้องเก่า สำนักพิมพ์ศิราภรณ์บุ๊คส์ จัดพิมพ์ ปี 2556

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค กล้องเก่า คลิกลิงก์ https://goo.gl/mtDLiW

The Old Coach by Than Yutthachabodin


ความคิดเห็น